วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

ประโยชน์จากผลส้ม



1. ส้มเป็นผลไม้นางเอก มีสารไฟโตนิวเทรียนต์มาก ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสารกลุ่มฟลาวาโนนส์ สารแอนโธไชยานินส์ สารโพลีฟีนอลส์ และวิตามินซี ที่ช่วยทำให้ผิวสวยกระจ่างใส .. ส้ม มีคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมส่วนสึกหรอของร่างกาย ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งแตก และช่วยสมานแผลหลังผ่าตัด แผลไฟไหม้ ให้หายเร็ว และแผลเรียบเนียนขึ้น

2. ส้ม ให้แคลเซียมและวิตามินดี แก่ร่างกาย มากพอๆ กับนม และแคลเซียมจะไปเสริมสร้างกระดูก แต่ถ้าไม่มีวิตามินดี ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมจากอาหารได้ นอกจากนี้ส้มยังมีวิตามินซี ซึ่งจะช่วยเพิ่มกระบวนการดังกล่าวอีกด้วย แต่พึงเข้าใจด้วยว่า กรดอะซีติกในส้ม อาจทำลายสารเคลือบฟันได้ จึงไม่ควรแปรงฟันภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากทานส้มหรือดื่มน้ำส้ม

3. ส้ม มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันการอักเสบ ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน ยิ่งไปกว่านั้นส้มยังช่วยป้องกันและรักษาเลือดออกตามไรฟัน และมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกาย

4. เปลือกของส้ม มีสารมหัศจรรย์อยู่มากมาย และหนึ่งในนั้นคือการ Polymethoxylated Flavones (PMFs) และสาร D-Limonene ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอล ปรับระดับน้ำตาลในเลือด และกระตุ้นการกรองสารพิษของตับ นอกจากนี้จากการศึกษายังชี้ว่า เม็ดสีในส้มเขียวหวานจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) โดยไม่ส่งผลต่อคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)

5. ตำรับจีนมักเสิร์ฟเปลือกส้ม คู่กับอาหารเนื้อสัตว์ เพื่อย่อยอาหารที่มีไขมันสูง บางตำราแนะนำให้เริ่มวันใหม่ด้วยน้ำเลมอน 12 ออนซ์ ผสมกับน้ำกรองแล้วที่อุณหภูมิห้อง จะช่วยชะล้างของเสียในระบบย่อยอาหารและลำไส้ได้ เพราะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ

6. ส้ม อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยปกป้องแก้วตาจากโรคต้อกระจก และจากการศึกษายังพบว่า การบริโภควิตามินอีและซีในปริมาณมาก จะช่วยป้องกันโรคต้อกระจกได้ แม้แต่ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้สูง

7. ส้ม จะทานก็ได้ จะดมผิวก็ได้ เพราะส้มมีสารโฟเลตซึ่งช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนซีโรโทนิน อันเป็นสารแห่งความสุข กลิ่นของผลไม้ตระกูลส้มสามารถทำให้เบิกบานได้


ข้อมูลเพิ่มเติม

สำหรับพ่อแม่ที่อยากให้ลูกน้อยดื่มน้ำส้มคั้น จะให้ดื่มได้ ต้องหลัง 6 เดือน เพราะเป็นช่วงที่สามารถให้อาหารเสริมได้ แต่ควรผสมน้ำส้มในน้ำ ในปริมาณครึ่งต่อครึ่ง การให้น้ำส้มที่มีรสชาติเข้มข้นโดยไม่ผสมอะไรเลยอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบดูดซึมของลูกได้ พอลูกโตขึ้นจึงค่อยๆ ลดปริมาณน้ำลง จนถึงอายุ 5 ขวบจึงสามารถให้น้ำส้มอย่างเดียวโดยไม่ต้องผสมน้ำ อนึ่ง เนื่องจากน้ำส้มมีรสหวานมาก การผสมน้ำ ยังเป็นข้อดีที่ช่วยให้ลูกน้อยไม่ติดหวานตั้งแต่เล็ก

ผู้ที่เป็นโรคไตและเบาหวาน หากต้องการจะทานส้ม ควรทานด้วยความระมัดระวัง เพราะส้มเป็นผลไม้ที่ให้โปแตสเซียมและน้ำตาลสูง ควรทานเป็นผลซึ่งมีกากใย จะดีกว่าดื่มน้ำส้มคั้น เพราะน้ำส้มคั้น 1 แก้วต้องใช้ส้มมาคั้นหลายผล ไม่มีกากใย และบางเจ้าจะเติมรสหวานเพิ่มเติม




ที่มา : http://www.bloggang.com โดยคุณ พรไม้หอม


วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สุขภาพดี เริ่มต้นที่การดื่มน้ำ

ผู้ชายสุขภาพดี เริ่มต้นที่การดื่มน้ำ

น้ำเปล่า เครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ ต่อให้มีเครื่องดื่มรสชาติโปรดปราน เป็นน้ำผลไม้หรือสมูธตี้ก็ตาม แต่ร่างกายก็ยังต้องการน้ำเปล่า ที่สะอาด บริสุทธิ์เอาไว้หล่อเลี้ยงร่างกายอยู่เสมอ  เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าน้ำ มีความสำคัญต่อชีวิตของเรา เพราะทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ นอกจากนี้ยังมีผลต่อสุขภาพผิวพรรณ ทำให้มีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งไม่แห้งกร้าน
โดยปกติแล้ว ในทุก ๆ วัน ร่างกายจะเสียน้ำจากการขับถ่ายและการหายใจ โดยเสียน้ำจากการขับถ่ายมากถึง 1.5 ลิตร และจากการหายใจถึงเกือบ 1 ลิตร จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เราถึงต้องดื่มน้ำให้ได้เฉลี่ยวันละ 8 แก้ว ก็เพื่อช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำนั่นเอง

ดื่มอย่างไร ถึงจะเรียกว่าดี
วันนี้เรามีเทคนิคการดื่มน้ำที่จะช่วยให้เราสามารถดื่มน้ำได้ในปริมาณที่เหมาะสม และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายมากฝากกัน

- ตอนเช้า 1 แก้ว (ประมาณ 400 c.c.) เป็นช่วงที่เลือดมีความเข้มข้นสูง มีลักษณะขาดน้ำ เพราะขณะหลับเรายังคงมีการสูญเสียน้ำจากการหายใจ 1 แก้วสำหรับตอนเช้าจึงจำเป็น
- ตอนสาย ๆ 2 แก้ว โดยแบ่งเป็นการดื่มหลังอาหารเช้า กับ ระหว่างช่วงเช้าถึงสาย ช่วงนี้จะเริ่มมีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว จึงควรดื่มน้ำเพื่อชำระของเสียเหล่านั้น
- ตอนกลางวันถึงตอนบ่าย 3 แก้ว แบ่งได้เป็นช่วงหลังอาหารกลางวัน และช่วงบ่ายอีก 2 ครั้ง เพื่อช่วยระบบการเผาผลาญของร่างกายให้มีประสิทธิภาพและช่วยกำจัดของเสียในร่างกายด้วย
- ตอนเย็น 2-3 แก้ว หากคุณไปออกกำลังกาย น้ำเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ เพราะร่างกายจะสูญเสียน้ำผ่านทางเหงื่อมากเป็นพิเศษ ควรดื่มน้ำหลังอาหารเย็น และช่วงเวลาพักผ่อนหลังอาหารด้วย
- ก่อนนอน 1 แก้ว เพื่อให้น้ำได้ไหลเวียนชำระสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร และช่วยลดภาวะการขาดน้ำขณะหลับ นอกจากนี้การดื่มน้ำอุ่นจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น

วิธีการดื่มน้ำให้ได้ผลดีตามที่กล่าวมานั้น จำเป็นต้องดูความเหมาะสมด้วย เพราะการดื่มน้ำมากเกินไป อาจเป็นการขับแร่ธาตุบางอย่างออกมามากเกินความจำเป็น เช่น ธาตุโซเดียม ซึ่งจะทำให้อ่อนเพลีย และอาจเป็นตะคริวได้ ดังนั้นพึงระลึกอยู่เสมอว่า อาหารที่เราทานนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว การดื่มน้ำเป็นการช่วยเสริมไม่ให้ร่างกายต้องอยู่ในภาวะขาดน้ำเท่านั้น ดังนั้นควรดื่มแต่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เราก็จะได้ประโยชน์และคุณค่าของการดื่มน้ำได้อย่างเติมที่


ที่มา : www.sanook.com